ทริคการเลือกอาหารที่เหมาะสมกับ ผู้ป่วยเบาหวาน เพื่อควบคุมระดับน้ำตาล

สำหรับใครที่รู้ตัวว่าเป็นผู้ป่วยโรคเบาหวานแล้วนั้นสิ่งที่ถือเป็นหัวใจสำคัญในการดูแลตัวเองโดยเฉพาะการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือกก็คือการเลือกอาหารที่ตอบโจทย์กับตัวเอง ซึ่งวันนี้เราก็มีทริคที่น่าสนใจมาแนะนำ เพื่อให้ทุก ๆ คนได้นำไปปรับใช้ สามารถอยู่ได้อย่างราบรื่น ไม่ส่งผลต่อร่างกายในอนาคต

หัวใจสำคัญของผู้ป่วยเบาหวานคือการเลือกอาหารให้ถูกหลัก

ผู้ป่วยด้วยโรคเบาหวานนี้นั้นสิ่งที่ถือเป็นหัวใจสำคัญก็คือการเลือกกินอาหารที่ควรมีการควบคุมชนิด และปริมาณของอาหารให้พอดีที่ร่างกายต้องการ ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป เพราะการกินอาหารที่มากเกินไปมีส่วนทำให้น้ำตาลในเลือกเพิ่มสูงขึ้นได้อย่างรวดเร็ว กระนั้นหากกินอาหารน้อยเกินไปก็ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำลงได้เช่นกัน การเรียนรู้ศึกษาถึงทริคการเลือกอาหาร รวมถึงปริมาณที่เหมาะสมจึงไม่อาจมองข้าม เพื่อให้การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

ทริคการเลือกอาหาร + ปริมาณที่เหมาะสมกับผู้ป่วย

เมื่อรู้ถึงความสำคัญของการเลือกอาหาร รวมถึงปริมาณที่เหมาะสมกับระดับความต้องการของตนเองในฐานะผู้ป่วยเบาหวานแล้ว ถึงเวลามาเรียนรู้การเลือกที่เหมาะสมได้เลย นั่นคือ

-    ให้เลือกกินผักจะเป็นผักสด หรือผักสุกได้เลย 3 – 4 ทัพพี โดยเฉพาะที่เป็นผักใบ โดยต้องลดปริมาณผักที่เป็นหัวใต้ดิน หรือที่มีแป้งสะสมอย่าง หัวแครอท หัวไชเท้า หรือฟักทอง ฯลฯ

-    ให้ลดปริมาณพลังงานของน้ำตาล ไขมันลง แต่ก็ต้องเลือกกินที่ครบหมวดหมู่ทั้ง 5 และให้สมดุลด้วย ไม่ใช่ลดหายไปเลยไม่ได้เด็ดขาด

-    ผลไม้ที่มีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบนั้นควรเลือกในปริมาณดัชนีน้ำตาลที่เหมาะสม อย่างต่ำ 1 ชนิดต่อมื้อ วันละ 2 – 3 ครั้ง แทนการกินขนมหวานทั้ง ฝรั่ง สตรอเบอร์รี่ ส้ม แอปเปิล แก้วมังกร สาลี่ ชมพู่ กล้วยน้ำว้า (ห่าม) เป็นต้น

-    คาร์โบไฮเดรตที่เลือกควรได้จากแหล่งหารที่เป็นเส้นในอาหารอย่าง ข้าวซ้อมมือ ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีท หรือธัญพืชที่ไม่ขัดสี อย่าง ผลไม้ต่าง ๆ ผัก ถั่ว รวมถึงอาหารที่เส้นใยอาหารสูงและจะย่อยได้ช้ากว่าประเภทอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่อยู่เสมอ

-    หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำจากกะทิ อาหารทอดต่าง ๆ หรือเบเกอรี่ เนื้อสัตว์ติดมัน ให้เลือกอาหารที่มีไขมันต่ำเข้าไว้ และประกอบอาหารด้วยวิธีต้ม ย่าง นึ่งแทน

ในการกินอาหารแต่ละมื้อของผู้ป่วยด้วยโรคเบาหวานนี้นั้น ควรรักษาอาหารให้เหมาะสม ให้ห่างกันมือละ 4 – 5 ชม. และกินในช่วงเวลานั้น ๆ ให้สม่ำเสมอ ไม่งดมื้อใดมื้อหนึ่งไป และเลี่ยงการกินจุบจิบมากที่สุด ควรดูแลน้ำหนักตัวเองให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานเหมาะสมที่สุด หากใครรู้ตัวว่าน้ำหนักเกินให้ลดลง 5 – 10% ของน้ำหนักที่มี หรือประมาณ 3 – 10 กก. จะดีที่สุด